วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2552

พระศิวะ



พระศิวะ


การสร้างสากลจักรวาลในรูปแบบของพรหม และผู้พิทักษ์รักษาในรูปแบบของพระวิษณุ พระเป็นเจ้าผู้สูงสุดนั้นก็คือพระศิวะ ผู้เป็นพระเป็นเจ้าแห่งการทำลายล้าง พระองค์คือ อำนาจและพระองค์เปี่ยมไปด้วยอำนาจ พระพักตร์ของพระองค์แสดงให้เห็นด้วยเหมือนกันว่า “ข้าฯ” เป็นผู้หญิง และ “ข้าฯ” ก็เป็นผู้ชายด้วยเหมือนกัน จากชิ้นฝุ่นธุลีไปจนถึงภูเขาหิมาลัย จากมดตัว เล็ก ๆ ไปจนถึงช้างตัวใหญ่ จากมนุษย์ไปจนถึงพระเป็นเจ้า อะไรก็ตามที่เราสามารถเห็นได้นั้น เป็นรูปแบบของพระศิวะทั้งหมด ในพระคัมภีร์อุปนิษัท (คัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์) การท่องคำในพระคัมภีร์ส่วนมากมีคำว่า “ศิโวมฺสวห (ข้าคือศิวะ) อันนี้หมายความว่า บุคคลผู้มีสติปัญญาทุก ๆ คน ควรพิจารณาถึงตัวเขาเอง และสิ่งทั้งหลายของสากลโลกเป็นรูปแบบของพระศิวะ แล้วความรู้สึกพยาบาทปองร้าย ความอิจฉาริษยา เป็นต้น ก็จะหายไป และแล้วบุคคลผู้นั้นจะเข้าถึงความสุขความสงบ

แม้มันจะเป็นการลำบากมากที่จะเข้าใจความจริงของพระศิวะ แต่ถึงอย่างนั้น การแต่งกายของพระองค์ และแขนขาต่าง ๆ พยายามที่จะชี้ให้เราเห็นอย่างชัดเจนและง่ายดายถึงความหมายทางปรัชญาของ พระองค์ ดังต่อไปนี้

สีขาว

สีของพระศิวะคือสีขาว สีขาวเป็นสัญลักษณ์แห่งความสงบ และศรัทธาแก่กล้า อันนี้แสดงให้เห็นว่า พระศิวะเป็นพระเป็นเจ้าอันสูงสุดแห่งความสงบและศรัทธา โดยการบูชาพระองค์ เราสามารถเข้าถึงความสงบ และโดยการท่องนามของพระองค์ เรากลับเป็นผู้มีศรัทธาแก่กล้าจากภายในตัวเราเอง

ดวงจันทร์บนพระพักตร์

ดวงจันทร์เป็นสัญลักษณ์แห่งฐานรากของน้ำอมฤต น้ำอมฤตทำลายผลของยาพิษ ฉะนั้น ดวงจันทร์บนพระพักตร์ของพระศิวะ สอนให้เรารู้ว่า เมื่อใดก็ตามที่เรามีความคิดอันเป็นพิษอยู่ในใจของเรา เราควรจะระลึกนึกถึงรากฐานของน้ำอมฤต คือพระศิวะ ดังนั้น ความคิดที่เป็นพิษก็จะหายไปด้วยน้ำอมฤต เราควรทำให้สมองของเราเย็นอยู่เสมอ และไม่ควรทำมันให้ตื่นเต้นหรือเร่าร้อน


ดวงตาสามดวง
ในภควันคีตา พระกฤษณะ ทรงกล่าวแก่ท่านอรชุนว่า เธอไม่สามารถเห็นฉันกับด้วยดวงตาธรรมดาได้ ฉะนั้น ฉันจะให้ดวงตาพระเป็นเจ้าแก่เธอ แล้วเธอจึงสามารถเห็นฉันได้ ดวงตาของพระศิวะมีสามดวง สอนให้เรารู้ว่า แม้เราเห็นสิ่งของทางโลกด้วยดวงตาสองดวงของเรา และมองดูทิวทัศน์ต่าง ๆ ได้ แต่ถึงอย่างนั้น การที่จะเห็นพระเป็นเจ้าภายในตัวเรา เราจำเป็นที่จะต้องได้ความรู้อันบริสุทธิ์ และมีศรัทธามั่นไม่หวั่นไหว กล่าวคือ ดวงตามที่สามซึ่งมีคุณสมบัติเหล่านี้ ดังนั้นเราจึงสามารถรู้แจ้งเห็นพระเป็นเจ้าได้ บุคคลควรระลึกนึกถึงไว้ด้วยเหมือนกันว่า เว้นเสียแต่ว่าเรากำจัดความอยากได้ทางโลกเสียเท่านั้น มิฉะนั้น เราไม่สามารถเห็นพระรามได้ ท่านตุลสีทาส กวีผู้มีชื่อเสียงได้เขียนไว้ด้วยเหมือนกันว่า

“ชหนฺ ราม ตหนฺ กาม น หิน ชหนฺ กาม น หิน ตหนฺ ราม”

ความหมายก็คือว่า พระรามอยู่ทิศไหน ความไม่อยากได้ย่อมอยู่ทิศนั้น ความอยากได้อยู่ที่ไหน พระรามไม่อยู่ที่นั้น

กาม คือความอยากได้ กิเลศ ตัณหา กามารมณ์

ฉะนั้น เราชอบท่านสังกราจารย์ด้วยเหมือนกัน เราควรเปิดดวงตาที่สามของความรู้ของเรา และฝังความอยากได้ ความใคร่ ความอยากทางกามารมณ์เสียให้สิ้นแล้วเพียงเท่านั้น เราสามารถเห็นภัควันรามได้

พระศอสีน้ำเงิน
พระศิวะมีพระศอเป็นสีน้ำเงิน ฉะนั้น พระองค์จึงได้นามว่า “นิลกัณฐ์” (มีพระศอเป็นสีน้ำเงิน) เหตุผลที่พระศอของพระศิวะเป็นสีน้ำเงิน ได้กล่าวไว้แล้วในประวัติของพระศิวะ เมื่อมหาสมุทรพิโรธ มีทั้งน้ำอมฤตและยาพิษอยู่ในมหาสมุทร เพื่อที่จะทำให้เป็นนักบุญและประชาชนปลอดภัย และเพื่อรับใช้มนุษยชาติ พระศิวะทรงเสวยยาพิษทั้งหมด ยาพิษนั้นไม่ได้ทำลายพระองค์ แต่พระศอของพระองค์เท่านั้นที่กลับเป็นสีน้ำเงิน

อันนี้สอนให้เรารู้ว่า บุคคลผู้ซึ่งพร้อมที่จะช่วยเหลือชุมชน สามารถจะมีชีวิตอยู่ได้ ถ้า (เขา) จำเป็นเขาก็จะต้องดื่มยาพิษ เพื่อประโยชน์ของคนอื่น ๆ



แม่น้ำคงคาอยู่ในพระเศียรของพระศิวะ

ท่านภคิรัฐ เป็นผู้ภักดีอันยิ่งของพระศิวะคนหนึ่ง เพราะความศรัทธาและความภักดีอันแรงกล้าของเขา แม่น้ำคงคาได้พักอยู่ในพระเศียรของพระศิวะ อันนี้สอนให้เรารู้ว่า ในการที่จะทำให้พระศิวะทรงพอพระทัยนั้น การบูชาและความภักดีอันบริสุทธิ์ เช่น ท่านภคิรัฐย่อมไม่สูญเสียเปล่า และแน่นอนมันย่อมให้ผลของมัน ท่านตุลสีทาส พิจารณาเห็นแม่น้ำคงคาอันมีศรัทธาแรงกล้านี้เป็นเรื่องราวของพระราม เพราะแม่น้ำคงคาในเรื่องพระรามนั้น ถูกพิจารณาว่า พักอยู่ในพระเศียรของพระศิวะ

สายสร้อยเพชรงู (งู)

จริง ๆ แล้วที่ร่างกายของคนทุก ๆ คน มีงูที่มีชีพอยู่ในรูปของอายตนะ ซึ่งทำให้บุคคลตื่นเต้นเพื่อความสุขสบายทางโลกอยู่เสมอ แต่ภัควันศิวะทรงซ่อนพระรามไว้ในพระทัยของพระองค์ ฉะนั้น งูแห่งอายตนะทางโลกจะไม่มีผลกระทบใด ๆ ต่อพระองค์ งูที่พระกัณฐ์ของพระองค์ สอนให้เรารู้ว่า เราควรมีสติระมัดระวังงูแห่งความอยากได้ทางโลก และทำให้ตัวเราเองยิ่งใหญ่ ซึ่งพิษของงูเหล่านั้นไม่สามารถกระทบกระทั่งเราได้

กำไลที่พระเศียรของพระศิวะ

กำไลที่พระศิวะสวมใส่พระเศียรนั้น เตือนให้เรารู้ว่า ร่างกายของเรานั้น ย่อมต้องแตกสลาย (ไม่วันใดก็วันหนึ่ง) และความตายนั้นเป็นสิ่งเที่ยงแท้แน่นอน นี้คือกฎเกณฑ์ของพระเป็นเจ้า ครั้งหนึ่งพระศิวะเองทรงตรัสแก่พระนางปารวตีว่า

เมื่อใดก็ตาม บุคคล……….(พรหมันท) ถูกทำลายลงไป ฉันจะเพิ่มหัวมากกว่าหนึ่งหัวเข้าไปในกำไล อันนี้เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า พระศิวะ เป็นพระเป็นเจ้าผู้สูงสุด

ตรีศูล (เส้นเหล็กกับสัญลักษณ์รูป W อยู่ข้างบน)

ตรีศูล แสดงให้เราเห็นว่า พระศิวะเป็นผู้ควบคุมที่สูงสุดของคุณสมบัติของธรรมทั้งสาม และกับด้วยตรีศูลเท่านั้น…………………

ทามรู (กลองล็ก)

ในคัมภีร์อุปนิษัท (คัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์) “ทาม” หมายถึงตัวแทนพระผู้เป็นเจ้า ฉะนั้น เสียงของทามรู บอกให้เรารู้ว่า พระศิวะทรงประทับอยู่ทุกหนทุกแห่ง และไม่มีใครสามารถทำลายได้เช่นเดียวกับอำนาจของโลก ยิ่งไปกว่านั้นเสียงของทามรูบอกเราให้ทราบว่า “พระเป็นเจ้าเป็นสัจจริง โลกไม่จริง” กล่าวคือ “อุมา กหูน ไม อนุภว อปน สัตย ฮารี ภาชัน ชศต สป สปน” หมายความว่า พระศิวะตรัสแก่พระนางอุมาว่า ตามที่พระองค์เองได้ประสบการณ์มา สัจธรรมย่อมอยู่ในการร้องสรรเสริญความรุ่งโรจน์ของพระองค์เพียงอย่างเดียว และโลกทั้งมวลเพียงเหมือนกับความฝัน

ที่ประทับบนหนังสิงโต

การที่พระศิวะทรงประทับนั่งบนหนังสิงโต มีเบื้องหลังทางวิทยาการอยู่ ถ้าบุคคลนั่งอยู่บนหนังสิงโต ความอยากได้ของกามคุณ และความโลภจัดก็จะหายไป ฉะนั้น พวกโยคีส่วนมาก ย่อมชอบนั่งสมาธิบนหนังสิงโต อันนี้เพื่อรักษาใจของเขาให้อยู่ในความสงบ และพวกเขาจะไม่ได้รับความยุ่งยากลำบากในกามคุณหรือความโลภจัด บุคคลทั้งหลาย ผู้มีครอบครัว และมีหน้าที่การงานทางโลก จะสวดอ้อนวอนนั่งอยู่บนหนังกวาง เพราะอันนี้ทำให้สมองของเขาแจ่มใส และทำให้ความจำแหลมคม

โคเป็นพาหนะ

พระศิวะ ทรงใช้โคเป็นพาหนะของพระองค์ โคได้นามว่า พฤษภ ในภาษาสันสกฤต พฤษภ หมายถึง ธรรมะ ธรรมะมีกฎที่เป็นพื้นฐานสี่กฎ คือ สัจจะ ความเมตตา การบูชา และทาน พระศิวะแม้พระองค์ทรงเป็นพระเป็นเจ้าแห่งการทำลาย พระองค์ก็ทรงประทับนั่งบนธรรมะเสมอ และช่วยเหลือคนทุก ๆ คน
ศิวลิงค์ของพระศิวะ (หินกลมขาว)
ลิงค์ หรือ ลิงคะ หมายถึง สิ่ง ๆ หนึ่งซึ่งสิ่งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตสามารถจมลงในสิ่ง ๆ นั้น ท้องฟ้ากลมเหมือนกับโลก ฉะนั้น ลิงคะกลม ๆ เป็นสัญลักษณ์ของโลกด้วยเหมือนกัน ในโลกนั้นนักบุญ อำนาจ และสิ่งมีชีวิตทั้งมีชีวิตอยู่ ฉะนั้นโดยการบูชาลิงคะของพระศิวะ บุคคลควรบูชานักบุญทั้งหมดและบูชาอำนาจทั้งหมดโดยทางอ้อม

ข้อสังเกต : ทางด้านขวาของศิวลิงคะ มีรูปภาพเขียนไว้ “คงคาวัตวัน” ในรูปภาพนี้ทางด้านขวา คือภคิรัฐ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่า ทำพลีกรรมตัวของเขาเอง เพื่อเป็นการยกระดับของประชาชน และเขาที่แสดงในภาพนั้น ในท่าของการบูชาพระศิวะ เพื่อทำให้แม่คงคาคงอยู่ในระดับปกติ ทางด้านซ้าย มีนานทิคัน และพระนางปารวตี ข้างล่างรูปภาพ การสวดต่อ ๆ กันไปที่ได้เขียนไว้ โดยการท่องอย่างเดียวกัน จุดประสงค์ทั้งหมดย่อมจะสมบูรณ์ได้

นมมิศโม ศาน นิรวาน รูปมฺ วิภู อม วยปกมฺ เวท พรหม

สวรูปมฺ นิชมฺ นิรคุณมฺ นิรวิลกปมฺ นิรหม จิทกศมกศฺ

วสม ภเชหม

ความหมายก็คือว่า โอ พระเป็นเจ้าแห่งความหลุดพ้น ทรงปรากฏอยู่ทุกหนทุกแห่ง พระเป็นเจ้า เจ้าของพระเวท และพระเป็นเจ้าของพระเจ้าทั้งหลาย พระศรีศิวะ ข้าฯ ขอนอบน้อมเบื้องหน้าพระองค์

โอ พระเป็นเจ้าพระองค์ทรงอิสระจากความหลอกลวงใด ๆ พระองค์ทรงอยู่ในรูปแบบอันแท้จริงของพระองค์เสมอ พระองค์ไม่ได้แยกแยะในระว่างบุคคลใด ๆ พระองค์ไม่มีความอยากได้ใด ๆ พระองค์เป็นท้องฟ้าและพระองค์เป็นดิน ท้องฟ้าคือเครื่องทรงของพระองค์ โอ พระศิวะ ข้าฯ ร้องเพลงสรรเสริญความรุ่งโรจน์ของพระองค์

นิรกโรโมกร มูลนฺ ตุริยมฺ กิร คยาน โคติตมิศมฺ คิริศมฺ

กรลมฺ มหากาล กลม กริปลม คุณหาร สนฺสาร ปรมฺ นโตสหมฺ

ความหมายก็คือ โอ พระองค์ผู้ไร้รูป เป็นจิตวิญญาณ เป็นฐานของโอมนฺกร อยู่เหนือคุณทั้งสามอย่างมาก อยู่เหนือคำพูด ความรู้ และอายตนะ เป็นฉายาของยมะ เต็มไปด้วยความเมตตา เต็มไปด้วยคุณสมบัติดีทั้งหมด โอ พระองค์มากยิ่งกว่าโลก ข้าฯ ขอน้อมเบื้องหน้าพระองค์

ตุษรทริ สนฺกาศ เคารมฺ คมฺภีรมฺ

มโนภูต โกติ ปรภา ศรี ศรีรมฺ

สฬรูนเมาโล กาลโลลินี จรุคนฺค

ลสฺทูภาล พาเลนทุ กณฺเ ภชุนค

ความหมายก็คือ บุคคลผู้ภาคภูมิและเคร่งขรึมเหมือนภูเขาหิมาลัย ร่างกายของบุคคลผู้นั้นสว่างไสว และรุ่งโรจน์ของเทพเจ้าแห่งความรัก ร่างกายของเขาผู้นั้นปรากฏเป็นแม่น้ำคงคาอันสวยงาม และหน้าผากของเขาผู้นั้นคือดวงจันทร์ และที่คอของผู้นั้นคือ งู

จลตฺกุนทลมฺ ภรูสุเนตรมฺ วิศลมฺ

ปรสนานม นิลกณมฺ ทยาลมฺ

มฤคทฺธีศ จารมมฺพรมฺ มุนทมาลมฺ

ปรียมฺ สหนกรมฺ สรว นาถมฺ ภชมิ

ความหมายก็คือว่า ในหูของบุคคลเหล่านี้ มีต่างหูอันสวยงาม มีอยู่ ดวงตาซึ่งโตและสวยงามก็มีอยู่ บุคคลผู้มีหน้าตาเบิกบาน คอเป็นสีน้ำเงิน และผู้มีความเมตตามาก บุคคลผู้สวมชุดของหนังของสิงโต และสรวมสายสร้อยของหัวคนทั้งหลาย ท่านรักคนทุกคน และท่านเป็นเจ้าของคนทุกคน และโอ เป็นผู้หวังดีต่อคนทุกคน ข้าฯ ขอบูชาแด่พระองค์

ปรจนฺทมฺ ปรกฤศตมฺ ปรคลฺลมฺภ ปเรศมฺ

อขณฺทมฺ อนฺชมฺ ภาณุ โกติ ปรกาศมฺ

ทรย ศูล นิรมูลนมฺ ศูล ปณิม

ภเชสนมฺ ภวนิ ปติมฺ ภาวกมฺยมฺ


ความหมายก็คือว่า โอ พระศิวะ ผู้ยิ่งใหญ่ พระเป็นเจ้าผู้สูงสุด หาขอบเขตมิได้ ไร้ความเกิด แสงสว่างเหมือนดวงอาทิตย์พันดวง บุคคลผู้ถอดเวลาอันไม่เป็นมงคลทั้งหมดสามเวลาออกจากรากของมันทั้งหมด บุคคลผู้ถือหอกและบุคคลผู้ที่เราสามารถเข้าถึงโดยความรัก สามีของภควานี ศรีศิวะ ข้าฯ ขอบูชาแด่พระองค์

กาลตีต กาลยนฺ กลฺปนฺต กริ สทา สชฺชนฺนนฺนนฺท ทต ปูรริ

จิทนนฺท สนฺโทห โมหปหริ, ปรสีท ปรโภมนฺม ธริ

ความหมายก็คือ บุคคลผู้เลิศในทางศิลปะ บุคคลผู้เปี่ยมด้วยเมตตา บุคคลผู้สามารถทำให้อายุจบลง บุคคลผู้สรรเสริญคนดีเสมอ บุคคลผู้เป็นศัตรูของมารซึ่งชื่อว่าตรีปุระ โอพระเป็นเจ้าผู้แท้จริง บุคคลผู้สามารถเอาชนะอุปาทานได้ และบุคคลผู้มั่นใจ และบุคคลผู้เป็นศัตรูต่อความอยากได้ เฮ พระเป็นเจ้า ขอพระองค์จงเป็นสุข ขอพระองค์จงสำราญ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น