วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2552

พระฤษีประไลยโกฏิ



พระฤษีพระองค์นี้บำเพ็ญตบะสร้างบารมีอยู่ในป่า เพื่อหวังสำเร็จฌานบารมีแล้วจะได้ไปบังเกิดบนสวรรค์
ตั้งใจปฏบัติกรรมฐานบำเพ็ญพรตด้วยความมานะพยายาม มุ่งมั่นในนิพพานอย่างเดียวด้วยในระหว่างนั้นมวลมนุษย์ทั้งหลายกำลังเดือด ร้อน และกังวลเรื่องอาหารการกินมนุษย์ทุกคนต้องดิ้นรนแสวงหาสิ่งของเพื่อประทัง ความหิวโหยแต่ก็รู้สึกว่าจะหายากเหลือเกินแม้แต่องค์พระฤษีประไลยโกฏิเองก็ เถอะ ท่านก็ยังมิวายกังวลห่วงใยประชาชนเหล่านั้นเช่นเดียวกัน มองหาช่องทางใดก็ไม่มีความสามารถช่วยได้ จึงต้องนิ่งบำเพ็ญพรตต่อไป
ด้วยอภินิหารและบุญญาธิการของท่านจึงปรากฏเหตุการณ์มหัศจรรย์ขึ้นมา พายุใหญ่พัดกระหน่ำรุนแรงต้นไม้ใหญ่น้อยหักระเนระนาดต่อจากนั้นฝนก็ตก กระหน่ำลงมาอย่างหนักทำให้น้ำท่วมขังรอบๆอาศรมของพระฤษี แล้วทั้งพายุและฝนก็สงบลงไปในที่สุด
เหตุการณ์อภินิหารในครั้งนี้ก็มีเมล็ดข้าวสาลีปลิวมากับพายุฝนนั้นตกลงมาแถว บริเวณหน้าอาศรมตั้งแต่เชิงบันไดไปจนถึงสระน้ำเมล็ดข้าวสาลีฝังอยู่ในดินที่ มีน้ำท่วมอยู่นั้นก็เริ่มกระเทาะเปลือกแตกออกมาเป็นต้นงอกงามเขียวชอุ่มไป ทั่วบริเวณ มองดูสวยงามยิ่งนัก พระฤษีประไลยโกฏิก็มีความปลื้มปิติยิ่งนักจึงเฝ้าดูต้นไม้ที่ยังไม่รู้ว่า เป็นต้นอะไรเหล่านั้น
จนกระทั่งต้นข้าวแตกรวง และสุกเหลืองอร่ามในเวลาต่อมา ทั้งยังส่งกลิ่นหอม พระฤษีก็มีความยินดีรำพึงกับตนเองว่า"มันเป็นผลอะไรกันหว่า ช่างมีกลิ่นหอมยวนใจเหลือเกินไม่รู้ว่ามนุษย์จะกินได้หรือเปล่า เราจะต้องคอยดูว่าจะมีนกกาหรือสัตว์อื่นใดมากินหรือไม่ ถ้านกกากินได้มนุษย์ก็กินได้เมื่อนั้นมนุษย์ก็จะมีอาหารการกินเพิ่มขึ้น" แล้วพระฤษีก็เฝ้าดูอยู่เงียบๆ
ต่อมาอีกไม่นานก็มีนกกระจาบตัวน้อยๆ ไม่รู้ว่าบินมาจากไหนได้ลงมาจิกกินเมล็ดข้าวสาลีจนอิ่มและก่อนบินกลับมันยัง คาบเอารวงข้าวสาลีกลับไปด้วย แล้วอีกไม่นาน ก็มีนกกระจาบฝูงใหญ่พากันบินลงมาที่ต้นข้าวสาลีต่างพากันจิกกินอย่างเอร็ด อร่อย ส่งเสียงร้องดังเจี๊ยวจ๊าวจ้อกแจ้กจอแจ ฟังไม่ได้สรรพ เมื่อพวกมันกินอิ่มแล้ว ก่อนกลับทุกตัวยังคาบเอารวงข้าวสาลีกลับไปด้วย
พระฤษีเห็นเช่นนั้นก็ดีใจ คิดในใจว่า ต่อไปนี้มวลมนุษย์จะไม่ต้องเดือดร้อนในเรื่องอาหารการกินอีกแล้วเพราะจะมี อาหารเพิ่มขึ้น รอจนกองทัพนกกระจาบไปหมดแล้ว พระฤษีก็ลงจากอาศรมเก็บรวบรวมเอารวงข้าวสาลีขึ้นมาไว้ในอาศรม เพื่อจะได้ขยายพันธุ์ต่อไปให้ได้มากๆ จะได้พอเพียงกับความต้องการของมนุษย์ ในปีต่อมาพอถึงฤดูกาลที่ฝนตกลงมา พระฤษีท่านก็ไถนาแล้วเอาเมล็ดข้าวสาลีหว่านไปทั่วพื้นดิน พอออกรวงก็เก็บเอามาไว้เป็นพันธุ์ ท่านทำอย่างนี้ทุกปีจนพันธุ์ข้าวสาลีมากขึ้นพอกับความต้องการ
ก็นับได้ว่าพระฤษีประไลยโกฏิท่านมีบุญคุณกับมวลมนุษย์อย่างมากมายในด้านของ โภชนาการหากท่านไม่สนใจหรือถือว่าธุระไม่ใช่ไม่เก็บพันธุ์ข้าวสาลีเอาไว้ ป่านนี้ก็อาจจะสูญพันธุ์ไปแล้วก็ได้เพราะนกกระจาบฝูงใหญ่และความรอบคอบของ พระฤษีกับความปรารถนาดีของท่านจึงทำให้มนุษย์มีข้าวสาลีเป็นอาหารมาจนทุก วันนี้ นี่แหละคือฝีมือของพระฤษีทำนาองค์นี้แหละ ควรที่พวกเราจะต้องกราบไหว้รำลึกถึงคุณความดีของท่านตลอดไป....

นำเสนอข้อมูลโดย...กุหลาบขาว...(หนังสืออ้างอิง ดวงมหาลาภ ฉบับพิเศษ)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น