วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ชี้ทางผู้เริ่มศึกษาวิชาไสยศาสตร์



ชี้ทางผู้เริ่มศึกษาวิชาไสยศาสตร์

เล่าเรื่องวิชาไสยศาสตร์

           “ไสยศาสตร์นั้นเริ่มมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ  และยังมีคนมากมายในโลกที่ยังสงสัยว่า  "ไสยศาสตร์"
นั้นคืออะไร  กำเนิดมาจากไหน  เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ยังคาใจของท่านทั้งหลายที่ต่างก็อยากรู้ในวิชาแขนงนี้
ฉะนั้นเมื่ออยากรู้จึงต้องเสาะหาผู้ที่รู้จริงซึ่งนั่นก็คือผู้ที่เรียนมาทางด้านนี้โดยตรง  ซึ่งมีมากมายหลายแขนง
ให้ศึกษาเกี่ยวกับความลี้ลับของวิชาไสยศาสตร์และผู้ที่จะเรียนรู้อย่างจริงจังนั้นจะต้องเป็นผู้มีความชอบหรือ
ความรักทางด้านนี้โดยเฉพาะเท่านั้นจึงจะเรียนได้และสามารถนำมาใช้ได้จริงจึงต้องมีความพยายามเป็นอย่าง
มากในการฝึกฝน ”
            เมื่อมาถึงตรงนี้เรามาเข้าเรื่องของวิชาไสยศาสตร์นั้น มี 2 ประเภท คือ

สายดำ คือ เดรัจฉาวิชา  เรียนแล้วนำไปใช้ในทางที่ผิดๆ  คือ  นำมาทำร้ายคนอื่นๆด้วยวิชาที่ตนมี เช่น 
เสกหนังควายเข้าท้อง , ทำเสน่ห์ยาแฝด , ทำให้ผัวเมียเลิกกัน  โดยอาศัยเดรัจฉาวิชาคนพวกนี้เมื่อตายไป
แล้วน่าสงสารอย่างยิ่ง  เพราะต้องตกนรกอเวจี  และต้องใช้กรรมเป็นอย่างมาก

สายขาว  คือ   วิชาพุทธคุณ  เรียนแล้วนำไปใช้ในการช่วยรักษาคนที่โดนกระทำด้วยคุณไสยศาสตร์ต่างๆ   หลักศีล 5 เป็นหลัก  วิชาพุทธคุณนี้มีเสื่อมมีดับหากเราทำผิดกฎข้อห้าม

และยังช่วยผู้ที่ตกทุกข์  ร้อนใจต่างๆให้พ้นจากทุกข์  โดยใช้วิชาพุทธคุณในการช่วยเหลือ  โดยใช้คาถา
ต่างๆที่พระพุทธเจ้าท่านได้นำแสดงไว้มาใช้ให้เกิดความขลังในด้านต่างๆ เช่น ทำให้เกิดเป็นเมตตามหาเสน่ห์,
มหานิยม, มหาอำนาจ, โภคทรัพย์  โดยการนำมาสัก, นำมาเขียน, นำมาเป่า, นำมาเสก ลงสู่ร่างกายโดยต้อง
ยึดถือกฎข้อห้ามต่างๆ โดยกฎต่างๆจะยึด

คุณสมบัติของผู้ที่จะเรียนไสยศาสตร์ได้สำเร็จ คือ

1. เป็นผู้ที่มีความสนใจอย่างจริงจัง
2. ต้องมีความอดทนอย่างยิ่งยวด
3. ต้องเป็นผู้ที่เคารพครูบาอาจารย์อย่างที่สุด
4. ต้องเชื่อมั่นในสิ่งที่ตนได้เรียนและได้ใช้อย่างไม่แคลงใจ

          ผู้ที่สนใจอยากศึกษาไสยศาสตร์  ท่านต้องมีความเชื่อมั่นและศรัทธาในสิ่งที่มองไม่เห็น โดยต้องยึด
หลักความจริงของพระพุทธศาสนามาเป็นหลักและต้องเชื่อเรื่องของกรรมดี-กรรมชั่วที่พระพุทธเจ้าท่านได้สอนไว้
เพราะมันมีความเกี่ยวเนื่องกับวิชาไสยศาสตร์ทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ผีสาง , เทวดา , เทพ , พรหมต่างๆ 
ล้วนมีอยู่จริงในหลักธรรมคำสอนขององค์พระพุทธเจ้าทั้งสิ้น  และท่านที่จะเรียนวิชาไสยศาสตร์ได้นั้นต้องเป็น
 ผู้ที่ผ่านการฝึกจิต-สมาธิมาเป็นอย่างดี  จนสามารถนำพลังงานที่มีอยู่ในตัวและในโลกมาใช้ได้ในรูปแบบต่างๆ 
เช่นดังพระเกจิอาจารย์ท่านต่างๆที่สามารถนำพลังงานต่างๆมาประจุลงเครื่องรางและของขลังต่างๆ
เพื่อใช้เป็นเครื่องป้องกันอันตรายที่จะมีแก่บรรดาลูกศิษย์ของท่าน และท่านทั้งหลายยังจะสามารถนำพลังงาน
ที่เกิดจากการปฏิบัติสมาธิมาสำแดงอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ต่างๆ  เช่นดังที่มีอยู่ในตำนานเรื่องเล่าของหลวงปู่ศุข
วัดปากคลองมะขามเฒ่า  ที่ท่านสามารถเสกหัวปลีเป็นกระต่ายและเสกคนเป็นจระเข้ได้อย่างน่าแปลกใจ 
ท่านที่ต้องการศึกษาไสยศาสตร์ท่านต้องเป็นผู้ใฝ่รู้ในคาถาอาคมต่างๆและต้องเป็นผู้ใฝ่หาครูบาอาจารย์ที่จะมา
ให้คำแนะนำอย่างถูกต้องและเหมาะสมกับตนเองเพื่อป้องกันมิให้เกิดอันตรายแก่ตนเอง หรือที่เรียกว่า “ ของเข้าตัว ”

  หลักวิชาไสยศาสตร์ทั้ง 4 สาย
ท่านผู้สนใจในวิชาไสยศาสตร์พึงจะต้องรู้จักหลักวิชาไสยศาสตร์ทั้ง 4 สาย  มีดังนี้
1. มฤคเวท  เป็นการสวดเพื่อสรรเสริญพระเจ้า
2. ยชุรเวท  เป็นการสวดอ้อนวอนพระเจ้า
3. สามเวท  ใช้สำหรับสวดมนต์ทำพิธีถวายน้ำโสม
4. อถรรพเวท  เป็นเวทมนตร์คาถาเรียกผีสางเทวดาให้มาช่วยป้องกันอันตราย
และมีการแก้อาถรรพณ์ต่างๆในวิชาอาถรรพณ์

อถรรพเวทเป็นคัมภีร์ที่มีความสำคัญยิ่งและเป็นคัมภีร์ที่มีความศักดิ์สิทธิ์มาก
คัมภีร์อถรรพเวทแบ่งออกเป็น 8 สายย่อยอีกด้วย  มีดังนี้
4.1 วิชาแก้โรคต่างๆ  อาคมประเภทนี้ใช้เป่ารักษาโรคต่างๆให้หายได้
4.2 วิชามหาประสาน  อาคมประเภทนี้ใช้เป่าบาดแผลให้ประสานเป็นเนื้อเดียวกัน
และยังสามารถใช้ประสานกระดูกได้อีกด้วย ในปัจจุบันยังมีคนนำวิชานี้มาใช้อยู่
4.3 วิชาสะเดาะ อาคมประเภทนี้ใช้เป่าสิ่งของให้หลุดออกจากกัน เช่น สะเดาะกุญแจ,
โซ่ตรวน, สะเดาะลูกในครรภ์ของมารดา แม้แต่ก้างติดคอก็ยังใช้อาคมบทนี้
4.4 วิชาป้องกันตัว  อาคมประเภทนี้ใช้เป่าปลุกเสกเครื่องรางของขลังต่างๆ เพื่อให้เกิด
ความเป็นคงกระพันชาตรี  ฟันแทงไม่เข้าคงทนต่ออาวุธทั้งปวง และให้แคล้วคลาด
จากอันตรายทั้งปวง
 4.5 วิชาแสดงปาฏิหาริย์  อาคมประเภทนี้มีความศักดิ์สิทธิ์สามารถสำแดงอิทธิฤทธิ์ต่างๆได้
เช่น  ล่องหน, กำบังกาย, หายตัวดำดิน เดินบนน้ำและอากาศ, ย่นระยะทาง, ลุยไฟ, แปลงกาย 
ผู้ที่มีวิชานี้สามารถทำได้หลายอย่าง

4.6 วิชาคุณไสยทำอันตรายผู้อื่น อาคมประเภทนี้ใช้ทำร้ายผู้อื่นให้เจ็บและตายได้ แล้วแต่
ความต้องการของผู้กระทำหรือผู้จ้างวาน เช่น  เสกหนังควายเข้าท้อง, เสกมีดเข้าท้อง,
เสกตะปูเข้าท้อง, เสกกระดูกผีเข้าท้อง  เป็นต้น
 4.7 วิชาแก้คุณไสยและแก้ภูตผีปีศาจ  อาคมประเภทนี้ใช้เป่าและแก้การถูกกระทำด้วย
ไสยศาสตร์ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการเสกตะปู, มีด และกระดูกผี วิชานี้สามารถใช้แก้และรักษาได้
 4.8 วิชาการทำเสน่ห์  อาคมประเภทนี้ใช้เสกเป่าสิ่งของและของกิน รวมทั้งคนให้มาหลงไหล
มารัก มาหลงตนเอง  เรียกวิชานี้ว่า  “  วิชาเมตตามหาเสน่ห์มหานิยม  ”
วิชาเหล่านี้มีความสำคัญต่างกันและผู้ที่จะเรียนวิชาไสยศาสตร์นั้นก็สามารถเลือกที่จะเรียนได้ตามที่ตนสนใจ
แต่ควรรู้จักให้ครบทั้ง 8 สายวิชา  เพราะมีความเกี่ยวเนื่องกัน

        ไสยศาสตร์ที่มีบทบาทในประเทศไทยในอดีต

            เมื่อครั้งสมัยสุโขทัย  ไสยศาสตร์เข้ามามีบทบาทมากที่สุด เพราะยุคนั้นพระมหากษัตริย์
และขุนนางต้องออกรบพร้อมกับทหาร รวมถึงการปกครองการบ้านการเรือนทั้งหมดต้องใช้ไสยศาสตร์
ทั้งสิ้น เพราะไสยศาสตร์แยกเป็นหลายแขนง เช่น วิชาคงกระพันชาตรี, วิชาแคล้วคลาด,
วิชาเมตตามหาเสน่ห์มหานิยม, วิชาเสน่ห์เล่ห์ , กลวิชาแต่งคน , วิชากำบัง  และอื่นๆอีกมากมาย
วิชาคงกระพันชาตรี 
         เขาใช้เมื่อเวลาจะออกรบ ผู้เป็นเจ้านายหรือผู้มีวิชาอาคมก็จะแจกเครื่องรางของขลังต่างๆ
ทั้งตะกรุดผ้ายันต์และวัตถุมงคลต่างๆ บ้างก็ลงอักขระสักยันต์ลงตามร่างกายเป็นหมึกบ้างน้ำมันบ้าง 
บางรายก็เขียนยันต์ลงตามร่างกาย บางรายก็เป่ายันต์ลงตามร่างกาย แล้วแต่ว่าใครจะเรียนมาแบบไหน
ก็จะใช้วิชาตามที่ตนเรียนมา  แต่ทั้งหมดทั้งสิ้นนี้ก็มีจุดประสงค์เดียวกันคือ เพื่อให้เกิดความเป็นมงคลแก่ตัว
ของผู้เข้าทำพิธีและเพื่อให้มีพลังงานมาประจุลงสู่ตัวของคนนั้นๆ เมื่อมีพลังงานมาประจุแล้วก็จะส่งผล
ให้เนื้อหนังมีความคงทนต่อคมอาวุธทุกประเภท จนมีดฟันแทงไม่เข้า แต่ถ้าจะทำให้ตายต้องใช้ของแหลม
แทงสวนทวารอย่างเดียว
วิชาคงกระพันชาตรีนั้นยังมีแยกออกไปอีก 9 วิชา
วิชาอาพัด, เหล้า, หมาก, ใบพลู, ยาสูบ, พริกไทย, ว่านและรากไม้ต่างๆวิชานี้ใช้เสกของกินเพื่อให้เกิดความคงกระพันชาตรี
วิชาปูนคาดคอ 
วิชานี้ใช้เพื่อให้เกิดความคงกระพันชาตรี
วิชาเรียกน้ำมันเข้าตัว 
วิชานี้ใช้เสกเรียกน้ำมันให้เข้าไปอยู่ในตัว  เพื่อให้เกิดความคงกระพันชาตรี
วิชาอาบน้ำว่าน 
วิชานี้ใช้อาบ  เพื่อให้เกิดความคงกระพันชาตรี

วิชาอาบน้ำมันเดือด
 
วิชานี้ใช้เสกอาบ  เพื่อให้เกิดความคงกระพันชาตรี  แต่เวลาอาบจะไม่รู้สึกร้อนแต่อย่างใด
วิชาเสกฝุ่นทาตัว 
วิชานี้ใช้เสกฝุ่นทาตัว  เพื่อให้เกิดความคงกระพันชาตรี   ในบางทีเรียกว่า  “ หนุมารคลุกฝุ่น ”
วิชาสักยันต์ 
วิชานี้จะใช้ของแหลมจุ่มหมึกหรือน้ำมันมาแทงลงบนผิวหนัง  เพื่อให้เกิดเป็นยันต์ต่างๆ
เพื่อให้เกิดความคงกระพันชาตรี

วิชาเขียนยันต์ 
วิชานี้จะใช้ของไม่แหลมจุ่มน้ำมันมาเขียนลงบนผิวหนัง  เพื่อให้เกิดเป็นยันต์ต่างๆ,
เพื่อให้เกิดความคงกระพันชาตรี

วิชาเป่ายันต์วิชานี้จะใช้เป่ายันต์ต่างๆ 
เพื่อให้เกิดความคงกระพันชาตรี
วิชาชาตรี คนส่วนใหญ่มักเรียกรวม  วิชาคงกระพัน กับ วิชาชาตรีเข้าด้วยกัน
เป็นวิชาคงกระพันชาตรีแต่ที่จริงแล้ววิชาชาตรีนั้นต่างจากวิชาคงกระพันตรงที่ 
วิชาคงกระพันพันแทงไม่เข้าแต่ก็ยังมีความเจ็บปวดเกิดขี้นอยู่ แต่วิชาชาตรีนั้น

ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บเลย  เพราะวิชาชาตรีนั้นทำให้ของหนักต่างๆที่จะมากระทบ
ตัวจะเบาไปหมด คนที่สำเร็จวิชานี้สามารถกระโดดได้สูงเกินสามวา 
วิชานี้เป็นวิชาแต่งตัวแล้วบริกรรมคาถา  และเอามือทั้งสองลากไปตามตัว  

เรียกว่า  “ ชักยันต์ ” แต่ส่วนมากมักจะเป็นวิชาของอิสลาม
วิชาแคล้วคลาด
วิชาแคล้วคลาดเป็นวิชาที่เหนือกว่าวิชาคงกระพันและวิชาชาตรี  เพราะแม้มีคนมุ่งร้ายหมาย
จะทำอันตรายก็มิอาจจะทำอันตรายได้ เป็นแคล้วคลาดทุกครั้งไป คือไม่เจอ  ไม่โดน 
และไม่เจ็บ ถึงแม้จะสู้กันซึ่งหน้า ไม่ว่าจะเป็นยิงหรือฟันก็จะหลบเลี่ยงหลุดรอดได้ทุกครั้งไป 
โดยฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถทำอันตรายได้ แต่วิชานี้ส่วนมากจะถูกประจุอยู่ในเครื่องรางของขลัง
และลายสักยันต์ต่างๆรวมถึงการเขียนยันต์และการเป่ายันต์ด้วย  วิชาแคล้วคลาดถือเป็นวิชาที่
เกจิอาจารย์ส่วนมากนิยมใช้กันอีกด้วย

วิชามหาอุด วิชามหาอุดเป็นวิชาที่นำมาใช้เฉพาะ  “กันปืน ” ถ้าผู้ใดสำเร็จวิชามหาอุด “ เมื่อครั้งมีเหตุให้
โดยยิงปืนที่จะยิงจะยิงไม่ออก ” หรือในบางครั้งอาจจะทำให้ปืนแตกคามือของผู้ยิงได้เลย 
วิชามหาอุดมักถูกเขียนลงตระกรุด  ใช้กันปืนและมักจะเสกรวมกับวิชาคงกระพันและแคล้วคลาด

เพื่อให้ขลังยิ่งขึ้น และเป็นการกันพลาดอีกด้วย คือ หากยิงออกก็ไม่โดน หากโดนก็ไม่เข้า  เป็นต้น
วิชาแต่งคน
วิชาแต่งคนเป็นวิชาที่ใช้คุ้มครองตนเองและคนอื่น ในอดีตผู้เป็นแม่ทัพนายกองมักจะใช้วิชานี้
คุ้มครองตนเองและลูกน้องให้รอดพ้นจากคมมีดคมกระสุน วิชานี้มักใช้เสกน้ำมันงาหรือปูนกินหมาก 
ทาใต้คางหรือบางรายใช้ทาตัว ทำให้คงกระพันเป็นอย่างดี
  
“ วิชาต่างๆที่กล่าวมาทั้งหมด ในอดีตจนถึงปัจจุบันพระสงค์และผู้มีวิชาอาคมทั้งหลาย 
มักนำมาใช้ในการสร้างพระเครื่องและเครื่องรางของขลังเพื่อใช้คุ้มครอง และให้เป็นสิริมงคลต่อผู้ที่นำไปบูชา
ในบางอาจารย์อาจจะนำมาใช้ในการลงอักขระสักยันต์ลงบนร่างกายอีกด้วย ”

หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้

 หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ :: หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้
    หลวงปู่ทวด เป็นพระภิกษุในสมัยอยุธยาในแผ่นดินของสมเด็จพระเอกาทศรถ  แต่เดิมท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดพะโคะ
จึงมีอีกสมญานามหนึ่งว่า สมเด็จพะโคะ มีเรื่องเล่าว่า “ตอนที่ท่านเดินทางโดยเรือผ่านอ่าวไทย เพื่อเข้ากรุงศรีอยุธยา
นั้นก็เกิดคลื่นลมทะเลปั่นป่วนขึ้น เรือไม่สามารถแล่นฝ่าคลื่นลมไปได้ ต้องทอดสมออยู่กลางทะเลถึง ๗ วันทำให้เสบียง
อาหารและน้ำหมด บรรดาลูกเรือจึงตั้งข้อสงสัยว่าการที่เกิดอาเพศในครั้งนี้เป็นเพราะท่านที่เป็นภิกษุ จึงตกลงใจส่งท่าน
ขึ้นเกาะได้นิมนต์ท่านให้ลงเรือมาด ขณะที่ท่านนั่งอยู่ในเรือมาดนั้นท่านได้ห้อยเท้าซ้ายแช่ลงไปในน้ำทะเล ได้บังเกิด
อัศจรรย์ขึ้นเมื่อน้ำทะเลบริเวณนั้นเกิดประกายแวววาวโชติช่วง ท่านจึงบอกลูกเรือให้ตักน้ำขึ้นมาดื่ม เมื่อดื่มน้ำนั้นก็รู้สึก
ว่าเป็นน้ำจืดจึงช่วยกันตักไว้จนเพียงพอ นายสำเภาเรือจึงนิมนต์ให้ท่านขึ้นเรือสำเภาอีกครั้ง ”ท่านจึงมีอีกหนึ่งสมญานาม
ว่า  “ หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ”
“ มีคำกล่าวว่าหากผู้ใดแขวนพระหลวงปู่ทวดวัดช้างไห้ไว้กับตัวแล้วผู้นั้นจะไม่ตายโหง ” เนื่องจากดวงวิญญาณของท่าน
นี้มีพลังมาก เมื่อท่านเห็นว่าลูกศิษย์ที่เคารพบูชาท่านตกอยู่ในอันตรายท่านจะมาช่วยให้รอดพ้นจากอันตราย
ดังมีผู้คนบอกเล่าและลือกันอย่างมากมาย 

เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์  ( โต )  วัดระฆังโฆสิตาราม
 เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ :: เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต )  วัดระฆังโฆสิตาราม
    
       ท่านเป็นปูชนียบุคคลที่พระพุทธศาสนิกชนกล่าวขวัญถึงในนามของสมเด็จโต  ท่านถือกำเนิดในปี พ.ศ. 2319
จนอายุได้ 13 ปี สมเด็จโตจึงบรรพชาเป็นสามเณรในเมืองพิจิตร  เมื่ออายุครบอุปสมบทจึงโปรดฯให้บวชเป็นนาคหลวง
ที่วัดตะไกร จ.พิษณุโลก ท่านได้เป็นพระพี่เลี้ยงและครูสอนหนังสือขอมและคัมภีร์มูลกัจจายน์เมื่อเจ้าฟ้ามงกุฎทรงบวช
เป็นสามเณร ครั้งเจ้าฟ้ามงกุฎครองราชย์เป็นรัชกาลที่ 4 สมเด็จฯโตได้เป็นเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตารามและได้เป็น
สมเด็จพระพุฒาจารย์ ท่านรอบรู้แตกฉานในพระธรรมวินัยและธรรมปฏิบัติ ความเป็นเลิศในการเทศนา  ด้รับการยกย่อง
สรรเสริญในสติปัญญาและปฏิญาณโวหารที่ฉลาดหลักแหลมเปี่ยมด้วยจิตเมตตากรุณาแก่ผู้ตกยาก มีอัธยาศัย  มักน้อย 
สันโดษ  “ พระสมเด็จ ”  สมเด็จฯโตท่านสร้างขึ้นเพราะปรารภถึงพระมหาเถระ  ในสมัยก่อนมักสร้างพระพิมพ์บรรจุใน
ปูชนียสถานเพื่อเป็นการสืบต่ออายุพระศาสนาให้ถาวรตลอดกาล ท่านจึงทำตามคตินั้นสร้างพระสมเด็จไว้ 84,000 องค์ 
เท่ากับพระธรรมขันธ์ สมเด็จฯโตท่านถือปฏิบัติในข้อธุดงค์วัตรทุกประการ คือ ฉันในบาตร  ถือผ้าสามผืนออกธุดงค์
เยี่ยมป่าช้านั่งภาวนา เดินจงกรม  จนวาระสุดท้ายท่านมรณภาพเมื่อวันเสาร์  แรม 2 ค่ำ  เดือน 9 ปีจอ  เวลา 2 ยาม
รวมสิริอายุได้ 85 ปี ...

พระเครื่องของท่านนี้เป็นที่รู้กันของคนทั่วไปว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ทั้งทางด้านเมตตามหาเสน่ห์ , มหานิยม 
และยังช่วยคุ้มครองชีวิตให้พ้นจากอันตรายได้เป็นอย่างดี

พระครูวิมลคุณากร  ( หลวงปู่ศุข )  วัดปากคลองมะขามเฒ่า  อ.วัดสิงห์  จ.ชัยนาท
 พระครูวิมลคุณากร :: พระครูวิมลคุณากร  ( หลวงปู่ศุข )  วัดปากคลองมะขามเฒ่า  อ.วัดสิงห์  จ.ชัยนาท
    
     ท่านได้อุปสมบทเมื่ออายุได้ ๒๕ ปี ที่วัดโพธิ์บางเขน (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นวัดโพธิ์ทองล่าง)  โดยมีพระครูเชย จนฺทสิริ
วัดโพธิ์บางเขนเป็นพระอุปัชฌาย์ พระถายมเป็นพระคู่สวด การอุปสมบทนี้มีลุงแฟงเป็นผู้อุปการะทั้งสิ้น ส่วนโยมบิดามารดา
ไม่ได้มาร่วมพิธีด้วย เพราะการเดินทางสมัยนั้นลำบากมาก จากชัยนาทถึงกรุงเทพฯ ก็กินเวลาอย่างน้อย ๒ ถึง ๓ วัน จึงจะถึง
    
     เมื่อได้อุปสมบทแล้วอยู่กับพระอุปัชฌาย์  เพื่อศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยพอสมควรแล้ว ท่านก็ได้ออกเดินธุดงค์หาที่สงบ
ฝึกวิปัสสนากัมมัฏฐานและวิชาอาคมต่างๆจากสำนักที่มีชื่อเสี่ยงโด่งดังในสมัยนั้นจนชำนาญดีแล้ว จึงกราบลาอาจารย์กลับบ้าน
เกิดของท่าน โดยมาพักอยู่ที่วัดร้างแห่งหนึ่งข้างหมู่บ้านของท่าน ชื่อวัดอู่ทอง ปัจจุบันนี้เรียกว่า  “วัดปากคลอง” ชาวบ้าน
แถวนั้นมีความศรัทธาเลื่อมใสจึงนิมนต์ให้ท่านจำพรรษาอยู่ที่นั่นเพื่อที่ว่าจะได้สร้างวัดขึ้นมาใหม่ ดังนั้นท่านจึงได้อยู่ ณ ที่นั้น
มาจนท่านมรณภาพ ในระหว่างที่ท่านมีชีวิตอยู่นั้นได้เริ่มพัฒนาในท้องถิ่นให้เจริญรุ่งเรืองด้วยจากวัดร้างที่ไม่มีอะไรเลย จนถึง
พุทธาวาส ธรรมาวาส และสังฆาวาส เป็นวัดที่สมบูรณ์แบบจนถึงทุกวันนี้ ยังมีพระอุโบสถและมณฑปปรากฏให้เห็นอยู่ ส่วนการ
อบรมสั่งสอนนั้นท่านได้แนะแนวการประพฤติดี ปฏิบัติชอบให้เห็นคุณและโทษของผลการปฏิบัติตนในทางที่ดีหรือไม่ดีอย่างไร 
จนประชาชนแถวนั้นมีความประพฤติดีมีศีลธรรมเป็นส่วนมาก

    อนึ่ง  มีผู้กล่าวว่า  ท่านมีวิชาอาคมเวทย์มนต์เก่งมากสามารถเสกใบไม้ให้เป็นตัวต่อ ตัวแตน เสกหัวปลีให้เป็นกระต่าย 
เสกก้านกล้วยให้เป็นงูได้ และเรื่องอภินิหารของขลังคงกระพันชาตรีมีอีกมาก จนถึงกับสมเด็จกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ใน
ราชวงจักรีได้มาทดลองดูเห็นจริง จึงได้ยอมมอบตัวเป็นศิษย์ตั้งแต่นั้นมาและได้วาดภาพพุทธประวัติด้วยพระหัตถ์ของพระองค์
เองที่อุโบสถด้านในหน้าอุโบสถซึ่งปรากฏจนทุกวันนี้ หลวงปู่ศุขท่านมีเมตตามากจึงมีศิษย์เป็นอันมากที่มาเรียนวิชาเหล่านี้ 
ท่านได้รับสมณศักดิ์เป็นพระครูวิมลคุณากรและเป็นเจ้าคณะแขวง  (ปัจจุบันเรียกว่าเจ้าคณะอำเภอ)  เป็นองค์แรกของอำเภอวัดสิงห์
ไม่ปรากฏหลักฐานว่าเมื่อใดท่านมรณภาพเมื่อเดือน ๑ ปีกุน พ.ศ. ๒๔๖๖ ไม่ปรากฏวันที่ที่แน่นอน  คำนวณอายุได้ ๗๖ ปี  วั
นสวดพระพุทธมนต์ทำศพอยู่ ๗ วัน ๗ คืน  จึงประชุมเพลิงท่านเป็นผู้เก่งในวิชาอาคมเป็นอย่างมาก ท่านสามารถเสกคนให้
เป็นจระเข้ได้  และเสกหัวปลีเป็นกระต่ายได้
  “มาเดือนนี้อาจารย์เอกจะขอเล่าต่อจากเดือนที่แล้ว พระอริยสงฆ์ที่มีวิชาอาคมแก่กล้ายังมีอีกมากมายหลายรูปแต่จะขอยกตัวอย่าง 
เช่น หลวงปู่ทวดวัดช้างไห้, สมเด็จโตพรหมรังสี, หลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่า, หลวงพ่อเงินวัดบางคลาน, หลวงพ่อกลั่นวัดพระญาติ,
หลวงพ่อปานวัดบางนมโค, หลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดร, หลวงพ่อจงวัดหน้าต่างนอกและยังมีพระอริยสงฆ์ท่านอื่นๆอีกมากมาย
ท่านทั้งหลายเหล่านี้ล้วนแต่เป็นผู้ที่มีพลังจิตสูงส่งแก่กล้า และผู้ที่จะฝึกพลังจิตให้สูงส่งแก่กล้าได้นั้นต้องผ่านการฝึกสมาธิ
กรรมฐานมาเป็นอย่างดี  จึงจะสามารถมีพลังจิตที่แก่กล้าและนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ทั้งด้านปัญญาและวิชาอาคมให้เกิดอิทธิฤทธิ์
ดั่งใจต้องการ ” และในเดือนนี้อาจารย์เอกจะสอนพื้นฐานสำคัญในการเรียนวิชาไสยศาสตร์และคาถาอาคม

พื้นฐานสำคัญของการเรียนวิชาไสยศาสตร์และคาถาอาคม
อันดับแรก  คือ  ทำการฝึกสมาธิภาวนา  หรือทำการฝึกสมาธิกรรมฐาน
 หากทำการฝึกสมาธิภาวนา   ก็ทำกันง่ายๆ  คือ  การภาวนาคาถาต่างๆแล้วกำหนดลมหายใจเข้าออกตามไปด้วย 
เช่น  ภาวนา “ พุท ”  หายใจเข้า  “ โธ ” หายใจออก พร้อมกับกำหนดจิตจับอยู่ที่ลมหายใจเข้าออกและคำภาวนา 
เมื่อกำหนดจิตอยู่ที่ลมหายใจเข้าออกและคำภาวนาแล้ว  จิตจะเป็นสมาธิ  ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ  เริ่มต้นที่  5 นาที 
แล้วเพิ่มไปวันละ 1 นาทีก็ได้หรือหากทำการฝึกสมาธิกรรมฐาน ในการฝึกสมาธิกรรมฐานเราต้องรู้จักกรรมฐาน ๔๐ กองก่อน 
แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องรู้หมดทั้ง ๔๐ กอง  แต่จะเลือกฝึกแบบไหนก็ได้แล้วแต่ความถนัดและความชอบของแต่ละคน
กรรมฐาน ๔๐  แบ่งได้เป็น  ๗ หมวด
๑. หมวดกสิน ๑๐   
๒. หมวดอสุภกรรมฐาน ๑๐ 
๓. หมวดอนุสสติกรรมฐาน ๑๐ 
๔. หมวดอาหารปฏิกูลสัญญา ๑ 
๕. หมวดจตุธาตุววัฏฐาน ๑ 
๖. หมวดพรหมวิหาร ๔ 
๗. หมวดอรูปฌาณ ๔

หมวดกสิณ ๑๐
  เป็นการทำสมาธิด้วยวิธีการเพ่ง
๑. ปฐวีกสิณ   เพ่งธาตุดิน
๒. อาโปกสิณ   เพ่งธาตุน้ำ
๓. เตโชกสิณ   เพ่งไฟ
๔. วาโยกสิณ   เพ่งลม
๕. นีลกสิณ  เพ่งสีเขียว
๖. ปีตกสิน   เพ่งสีเหลือง
๗. โลหิตกสิณ   เพ่งสีแดง
๘. โอฑาตกสิณ   เพ่งสีขาว
๙. อาโลกกสิณ   เพ่งแสงสว่าง
๑๐. อากาศกสิณ  เพ่งอากาศ

หมวดอสุภกรรมฐาน ๑๐
  เป็นการตั้งอารมณ์ไว้ให้เห็นว่า  ไม่มีอะไรสวยงดงาม  มีแต่สิ่งสกปรกโสโครก 
น่าเกลียด
๑๑. อุทธุมาตกอสุภ คือ  ร่างกายของคนและสัตว์ที่ตายไปแล้ว  นับแต่วันตายเป็นต้นไป  มีร่างกายบวมขึ้น 
พองไปด้วยลม  ขึ้นอืด
๑๒. วินีลกอสุภ   วีนีลกะ  แปลว่า  สีเขียว  เป็นร่างกายที่มีสีเขียว  สีแดง  สีขาว  คละปนระคนกัน 
คือ  มีสีแดงในที่มีเนื้อมาก  มีสีขาวในที่มีน้ำเหลืองน้ำหนองมาก  มีสีเขียวในที่มีผ้าคลุมไว้ฉะนั้นตามร่างกาย
ของผู้ตายจึงมีสีเขียวมาก
๑๓. วิปุพพกอสุภกรรมฐาน  คือ  ซากศพที่มีน้ำเหลืองไหลอยู่เป็นปกติ
๑๔. วิฉิททกอสุภ  คือ  ซากศพที่มีร่างกายขาดเป็นสองท่อนในท่ามกลางกาย
๑๕. วิกขายิตกอสุภ  คือ  ร่างกายของซากศพที่ถูกยื้อแย่งกัดกิน
๑๖. วิกขิตตกอสุภ   คือ  ซากศพที่ถูกทอดทิ้งไว้จนส่วนต่างๆกระจัดกระจาย มีมือ  แขน  ขา  ศีรษะ 
กระจัดพลัดพรากออกไปคนละทาง
๑๗. หตวิกขิตตกอสุภ   คือ  ซากศพที่ถูกสับฟันเป็นท่อนน้อยและท่อนใหญ่
๑๘. โลหิตกอสุภ  คือ  ซากศพที่มีเลือดไหลออกเป็นปกติ
๑๙. ปุฬุวกอสุภ   คือ  ซากศพที่เต็มไปด้วยตัวหนอนคลานกินอยู่
๒๐. อัฏฐิกอสุภ  คือ  ซากศพที่มีแต่กระดูก

 พระสาวกพิจารณาอสุภกรรมฐาน :: พระสาวกพิจารณาอสุภกรรมฐาน

อนุสสติกรรมฐาน ๑๐
  อนุสสติ  แปลว่า  ตามระลึกถึง  เมื่อเลือกปฏิบัติให้พอเหมาะแก่จริตจะได้ผลเป็นสมาธิ
มีอารมณ์ตั้งมั่นได้รวดเร็ว
๒๑. พุทธานุสสติกรรมฐาน   ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์
๒๒. ธัมมานุสสติกรรมฐาน  ระลึกถึงคุณพระธรรมเป็นอารมณ์
๒๓. สังฆานุสสติกรรมฐาน   ระลึกถึงคุณพระสงฆ์เป็นอารมณ์
๒๔. สีลานุสสติกรรมฐาน  ระลึกถึงคุณศีลเป็นอารมณ์
๒๕. จาคานุสสติกรรมฐาน  ระลึกถึงผลของการบริจาคเป็นอารมณ์
๒๖. เทวตานุสสติเป็นกรรมฐาน  ระลึกถึงความดีของเทวดาเป็นอารมณ์
๒๗. มรณานุสสติกรรมฐาน   ระลึกถึงความตายเป็นอารมณ์
๒๘. กายคตานุสสติกรรมฐาน   เหมาะแก่ผู้ที่หนักไปในจาคะจริต
๒๙. อานาปานานุสสติกรรมฐาน  เหมาะแก่ผู้ที่หนักไปในโมหะ และวิตกจริต
๓๐. อุปสมานุสสติกรรมฐาน   ระลึกความสุขในพระนิพพานเป็นอารมณ์
หมวดอาหาเรปฏิกูลสัญญา๓๑. อาหาเรปฏิกูลสัญญา  เพ่งอาหารให้เห็นเป็นของน่าเกลียด  บริโภคเพื่อบำรุงร่างกาย  ไม่บริโภคเพื่อสนองกิเลส
หมวดจตุธาตุววัฏฐาน๓๒. จตุธาตุววัฏฐาน ๔ พิจารณาร่างกายประกอบด้วยธาตุ ๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ
หมวดพรหมวิหาร ๔  พรหมวิหาร  แปลว่า  ธรรมเป็นที่อยู่ของพรหม  พรหม  แปลว่า  ประเสริฐ
                     พรหมวิหาร ๔ จึง  แปลว่า  คุณธรรม ๔  ประการ  ที่ทำให้ผู้ประพฤติปฏิบัติเป็นผู้ประเสริฐ ได้แก่

๓๓. เมตตา   คุมอารมณ์ไว้ตลอดวันให้มีความรัก  อันเนื่องด้วยความปรารถนาดี  ไม่มีอารมณ์เนื่องด้วยกามารมณ์ 
 เมตตาสงเคราะห์ผู้อื่นให้พ้นทุกข์
๓๔. กรุณา  ความสงสารปรานี มีประสงค์จะสงเคราะห์แก่ทั้งคนและสัตว์
๓๕. มุทิตา    มีจิตชื่นบาน พลอยยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี ไม่มีจิตริษยาเจือปน
๓๖. อุเบกขา  มีอารมณ์เป็นกลางวางเฉย
 หมวดอรูปฌาณ ๔  เป็นการปล่อยอารมณ์ไม่ยึดถืออะไร  มีผลทำให้จิตว่าง  มีอารมณ์เป็นสุขประณีตในฌานที่ได้
 จะผู้เจริญอรูปฌาณ ๔ ต้องเจริญฌานในกสินให้ได้ฌาณ ๔ เสียก่อน  แล้วจึงเจริญอรูปฌาณจนจิตเป็นอุเบกขารมณ์
๓๗. อากาสานัญจายตนะ  ถืออากาศเป็นอารมณ์  จนวงอากาศเกิดเป็นนิมิตย่อใหญ่เล็กได้  ทรงจิตรักษาอากาศไว้ 
 กำหนดใจว่าอากาศหาที่สุดมิได้จนจิตเป็นอุเบกขารมณ์
๓๘. วิญญาณัญจายตนะ  กำหนดวิญญาณหาที่สุดมิได้  ทิ้งอากาศและรูปทั้งหมด  ต้องการจิตเท่านั้นจนจิตเป็นอุเบกขารมณ์
๓๙. อากิญจัญญายตนะ  กำหนดความไม่มีอะไรเลย  อากาศไม่มี  วิญญาณก็ไม่มี  ถ้ามีอะไรสักหน่อยหนึ่งก็เป็นเหตุของภยันตราย
  ไม่ยึดถืออะไรจนจิตตั้งเป็นอุเบกขารมณ์
๔๐. เนวสัญญานาสัญญายตนะ  ทำความรู้สึกตัวเสมอว่า  ทั้งที่มีสัญญาอยู่ก็ทำเหมือนไม่มี  ไม่รับอารมณ์ใดๆ  จะหนาวร้อนก็รู้
 แต่ไม่ดิ้นรนกระวนกระวาย  ปล่อยตามเรื่อง  เปลื้องความสนใจใดๆออกจนสิ้นจนจิตเป็นอุเบกขารมณ์
มาเดือนนี้ต้องขอโทษทุกท่านที่ติดตามอ่านเว็บ  เนื่องจากไม่มีเวลาในการทำเว็บใหม่  ในเดือนนี้จะสอนเรื่องหลักการใช้คาถาอาคมให้มีความขลังและใช้ได้ดังใจ
1. ต้องมีสมาธิ ไม่สนใจในสิ่งรอบข้างที่รบกวน  โดยมีใจมุ่งมั่นจดจ่อในคาถาที่ตนบริกรรมอยู่
2. สร้างอารมณ์ ให้เป็นไปตามชนิดของคาถานั้นๆ  เช่น 
    -  คาถาเมตตามหาเสน่ห์มหานิยม  ต้องสร้างอารมณ์ให้เป็นเมตตา  ไม่แข็งกระด้าง  ไม่เหี้ยมเกรียม
    -  คาถาคงกระพันชาตรี  ต้องสร้างอารมณ์ให้ห้าวหาญ  และแข็งกระด้าง  เหี้ยมเกรียม  โดยยึดความกล้าเป็นอารมณ์
    -  คาถาแคล้วคลาด  ต้องสร้างอารมณ์ให้เป็นสมาธิอย่างแรงกล้า  และห้าวหาญ
3. ต้องมีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า ในคาถาอาคมที่ตนต้องการจะใช้ 

32 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ8 พฤษภาคม 2557 เวลา 18:50

    ผมชื่อไอซ์อายุ11ปีผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบวิชาไสยศาสตร์คือวิชา ไสขาว ผมชอบมากเลยครับผมคิดไว้ว่าผมจะเรียนวิชาไสขาวให้จบเลยล่ะครับถ้าโปรดเมตตาผมช่วยสอนผมหน่อยนะครับผมสัญญาว่าผมจะเอาเอาวิชาที่ผมเรียนมามาใช้ช่วยเหลือคนอื่นครับที่อยู่ของผม เจริญกรุง91 กรุงเทพมหานคร 10120เเยก6ครับ บายยยยยยยยย รักไสขาว<3

    ตอบลบ
  2. ผมเป็นอีกคนที่อยากเรียนวิชามาตั้งแต่เด็กๆแต่ฐานะยากจนไม่มีคนสอนถ้าได้เรียนถึงจะเป็นยังๆงผมขอให้สิ่งที่ผมเรียนเป็นผลบุญแก่อาร์จายร์นะคัฟ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ติดต่อกลับมานะ เราสอนให้ได้ แค่ยกครูมาขอเรียนเท่านั้น ติดต่อมาทางเมลนะ smarnh@gmail.com

      ลบ
    2. ไม่ทราบว่าอาจารย์พอจะมีเฟส หรือไลน์ รึเปล่าคับ

      ลบ
  3. อยากเรียนสายขาวเช่นกันครับ

    ตอบลบ
  4. ลองท่องดูคัฟ พยายามจำบทคาถาให้ได้
    ผมก็ศึกษาในเน็ตนะ ไม่รู้จะไปเรียนกับใคร เหมือนกัน คาทาอย่างเช่น เมตตามมหานิยมยะเอ็นดู คนที่โกรธหรือเกลียดเราอยู่ เขาจะหายและคุยดีทันทีเมื่อเห็นหน้าคุณ

    ตอบลบ
  5. ลองท่องดูคัฟ พยายามจำบทคาถาให้ได้
    ผมก็ศึกษาในเน็ตนะ ไม่รู้จะไปเรียนกับใคร เหมือนกัน คาทาอย่างเช่น เมตตามมหานิยมยะเอ็นดู คนที่โกรธหรือเกลียดเราอยู่ เขาจะหายและคุยดีทันทีเมื่อเห็นหน้าคุณ

    ตอบลบ
  6. อาจารย์หรือครูมีเบอร์ติดต่อ สอบถามรายละเอียดเปล่าค่ะ พอดีหนูใจรักด้านนี้มาเพิ่งค้นพบตัวเองค่ะ อยากขอเป็นศิทย์อาจารย์ค่ะ

    ตอบลบ
  7. อาจารย์หรือครูมีเบอร์ติดต่อ สอบถามรายละเอียดเปล่าค่ะ พอดีหนูใจรักด้านนี้มาเพิ่งค้นพบตัวเองค่ะ อยากขอเป็นศิทย์อาจารย์ค่ะ

    ตอบลบ
  8. ไม่ระบุชื่อ24 มีนาคม 2559 เวลา 15:45

    ส่วนตัวผม กำลังจะบวช ฝึกกรรมฐานให้จิตแน่วแน่
    แล้วจะขอเรียนภาษาขอมกับครูบาอาจาร ส่วนวิขา ก็ต้องคนคว้าหาเอาเองครับ

    ตอบลบ
  9. หาเพื่อนเรียนและศึกษาแลกเปลี่ยนวิชาความรุ้ ทั้งขาวและดำ แอดไลน์ searnong คับ

    ตอบลบ
  10. ขอบพระคุณครับและขออนุโมทนาบุญกุศลครับ

    ตอบลบ
  11. สนใจสายขาวจังครับ อยากเรียน สายรักษาโรค สมานแผล กระดูก แบบนั้นครับ line : aqua.nami

    ตอบลบ
  12. สนใจสายขาวจังครับ อยากเรียน สายรักษาโรค สมานแผล กระดูก แบบนั้นครับ line : aqua.nami

    ตอบลบ
  13. สนใจสายขาวจังครับ อยากเรียน สายรักษาโรค สมานแผล กระดูก แบบนั้นครับ line : aqua.nami

    ตอบลบ
  14. มีใคร ได้ไปเรียนกับอาจารย์บ้าง ติดต่อด้วยนะ สนใจเหมือนอยากห้ามเลือด ต่อกะดูก รักษาคน 0889676014

    ตอบลบ
  15. สนใจในเรื่องมหาอุดหนตัวหายตัวคงกะพันชาตรี

    ตอบลบ
  16. ไครอยากเรียนไปเรียนที่ตักศิลาเขาอ้อครับ

    ตอบลบ
  17. อยากเรียนสายดำแล้วสักยัน8ทิศ เก้ายอด ห้าแถว เสื้อหัวขาดและก็ของดำของทวดผมปู่พ่อสมิงพราย

    ตอบลบ
  18. จัดว่าเด็ด...ต้องรีบเลย !!!
    แนะนำท่านนี้เลยครับ ท่านเก่งมากๆครับ ผมให้ท่านช่วยมาหลายอย่างมากจนปัจจุบันเป็นศิษย์เอกของท่านเลยก็ว่าได้ครับ
    อ.เอก บุญฤทธิ์ 088-593-8715
    houkalok@hotmail.com
    http://www.โลกไสย์ศาสตร์.com

    ตอบลบ
  19. อยากเรียนทั้งสายดำ ทั้งสายขาวเลยค่ะ...
    ขอความกรุณา ด้วยค่ะ

    ตอบลบ
  20. อยากเรียนสายขาวครับ

    ตอบลบ
  21. ไม่ต้องไปแกว่งหาที่ไหนหลอกค้ะเราหมดเงินไปเยอะไปตามหาตามทำทุกที่ทั้งข้างในเนตข้างนอกจนลองถามเพื่อนแนะนำพระอาจารที่ช่วยได้เรื่องครอบครัวจนสำเร็จภายใน1เดือนยอมรับท่านของจริงค่ะเรามาบอกบุญต่อกับคนที่กำลังแกว่งหาที่อื่นอยู่แล้วแต่ความเชื่อความศรัทธานะคะเราพูดด้วยสัจจะจริง ใครทุกข์เหมือนเราลองให้ท่านช่วยดูค่ะ ไอดีไลน์ jamez1537

    ตอบลบ
  22. ไม่ระบุชื่อ27 กรกฎาคม 2562 เวลา 21:22

    อยากเรียนรุ้ค่ะเชี่อในสี่งนี้อยากมรวิชาติดตัวไว้ช่วยเหลีอคนอยากรักษาคนชอบสายขาวค่ะ

    ตอบลบ
  23. อยากเรียนรู้ครับ ผมเชื่อเรื่อง วิชอาคม ไสยศาสตร์ มานานแล้วครับและก้อยากเรียนมากๆ เพราะเชื่อว่าวิชาพวกนี้มีอยู่จริงๆ

    ตอบลบ
  24. ถ้าใช้มนต์ดำช่วยเหลือผู้คนเป็นไงครับอาจารย์

    ตอบลบ
  25. สนใจอยากเรียนสายขาว​ อยากช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์​ เช่นเจ็บป่วย​ รักษาโรค​ สมานแผล​ กระดูก​ ครับ

    ตอบลบ
  26. สนใจอยากเรียนสายขาว​ อยากช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์​ เช่นเจ็บป่วย​ รักษาโรค​ สมานแผล​ กระดูก​ ห้ามเลือดครับ​ เบอร์ผมครับ​ 084-643-9944​

    ตอบลบ